Vampire Twilight Saga : Breaking Dawn [แวมไพร์ทไวไลท์ ภาค 4 : รุ่งอรุโณทัย]


Vampire Twilight Saga : Breaking Dawn
[แวมไพร์ทไวไลท์ ภาค 4 :
รุ่งอรุโณทัย]
เดอะทไวไลท์ซากา : รุ่งอรุโณทัย
กำนดเข้าฉาย : -


ตัวอย่างหนัง : Breaking Dawn


ตัวอย่างหนัง : Breaking Dawn

รุ่งอรุโณทัย (Breaking Dawn)

     รุ่งอรุโณทัย (อังกฤษ: Breaking Dawn) เป็นนวนิยาย ในชุดนิยายทไวไลท์ ประพันธ์โดยสเตฟานี่ เมเยอร์ เป็นนิยายภาคสุดท้ายในชุดที่เล่าเรื่องราวจากมุมมองของเบลลา สวอน ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 เล่ม หรือ 3 ส่วน โดยเล่ม 1 และเล่ม 3 เล่าในมุมมองของเบลลา สวอน ส่วนเล่มที่ 2 เล่าในมุมมองของเจค็อบ แบล็ก รุ่งอรุโณทัย ออกขายเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม ค.ศ. 2008 กับการออกขายในปาร์ตี้พิเศษเวลาเที่ยงคืนในหลายร้านหนังสือ โดยพิมพ์ครั้งแรกจำนวน 3.7 ล้านชุด โดยใน 24 ชั่วโมงแรกขายได้กว่า 1.3 ล้านเล่ม ถือเป็นสถิติขายดีที่สุดในวันแรกของ Hachette Book Group USA

นื้อเรื่องโดยย่อ

คำเตือน : ระวังเสียอรรถรส : เนื่องจาก ข้อความด้านล่างนี้กล่าวถึงเนื้อเรื่อง -ฉากจบค่ะ

     รุ่งอรุโณทัย (อังกฤษ: Breaking Dawn) แบ่งออกเป็นสามส่วนด้วยกัน ส่วนแรกเป็นรายละเอียดงานแต่งงานและดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ของเบลล่าและเอ็ด เวิร์ด ซึ่งใช้เวลาส่วนมากบนเกาะส่วนตัวริมชายฝั่งของประเทศบราซิล เอ็ดเวิร์ดยินยอมมีสัมพันธ์รักตาม ความปรารถนาของเบลล่า หลังจากนั้นเบลล่าพบว่าเธอตั้งท้องและอัตราการเติบโตของเด็กรวดเร็วผิดปกติ หลังจากติดต่อกับคาร์ไลล์เพื่อยืนยันว่าเธอท้อง เบลล่าและเอ็ดเวิร์ดได้รีบกลับบ้านที่ฟอร์กส วอชิงตันโดย ทันที เอ็ดเวิร์ดกังวลมากเกี่ยวกับการเติบโตอย่างรวดเร็วของตัวอ่อนในครรภ์และต้อง การให้เบลล่าทำแท้ง แต่เธอต้องการเก็บเด็กไว้และได้ติดต่อโรซาลีเพื่อให้เธอสนับสนุนเพราะรู้ว่า โรซาลีนั้นต้องการมีลูกเหมือนกัน

     ในส่วนที่สองเขียนในมุมมองของเจคอบ หลังจากที่รู้ว่าเบลล่าท้อง ฝูงหมาป่าแห่งควิลยูตไม่รู้ว่าจะมีอันตรายแค่ไหนจึงวางแผนที่จะทำลายมันแม้ ว่ามันจะหมายถึงการฆ่าเบลล่าไปด้วยก็ตาม เจคอบได้คัดค้านการตัดสินใจนี้อย่างรุนแรงและได้แยกตัวออกจากฝูง และได้สร้างฝูงของเขาเองโดยมีลีอาห์และเซ็ทเป็นลูกฝูง ขณะที่ใกล้กำหนดคลอดเด็กได้หักกระดูกเบลล่าไปหลายท่อนและยังเสียเลือดไปมาก ในระหว่างคลอด เพื่อรักษาชีวิตเธอไว้ทำให้เอ็ดเวิร์ดต้องเปลี่ยนเธอเป็นแวมไพร์ เจคอบซึ่งได้อยู่ด้วยในขณะคลอดได้"ผูกวิญญาณ"กับลูกสาวแรกเกิดของเอ็ดเวิร์ด และเบลล่า เรเนสเม่
     ในส่วนที่สามของ รุ่งอรุโณทัย กลับมาเขียนในมุมมองของเบลล่า หลังจากกลายเป็นแวมไพร์ เบลล่าได้พอใจในชีวิตและความสามารถใหม่ของเธอมาก อย่างไรก็ตาม แวมไพร์อิริน่าได่เข้าใจผิดว่าเรเนสเม่เป็น "เด็กอมตะ" เด็กที่ถูกเปลี่ยนเป็นแวมไพร์ และเนื่องจากเด็กอมตะไม่สามารถควบคุมได้ ทำให้การสร้างเด็กอมตะเป็นเรื่องผิดกฎของโวลตูรี หลังจากอิริน่าได้แจ้งโวตูรี พวกเขามีแผนที่จะทำลายเรเนสเม่และครอบครัวคัลเลน ในความพยายามช่วยชีวิตเรเนสเม่ ครอบครัวคัลเลนได้รวบรวมแวมไพร์ทั่วโลกเพื่อมาเป็นพยานและพิสูจน์กับพวกโวตู ลีว่าเรเนสเม่ไม่ใช่เด็กอมตะ เมื่อเผชิญหน้ากับครอบครัวคัลเลนและพันธมิตร โวตูลีพบว่าเป็นการเข้าใจผิดและได้ลงโทษอิริน่าจากความผิดนั้น แต่พวกเขาก็ยังไม่แน่ใจว่าเรเนสเม่จะเป็นภัยคุกคามกับการรักษาความลับใน เรื่องการคงอยู่ของแวมไพร์หรือไม่ ในเวลานั้นอลิซและแจสเปอร์ที่จากไปก่อนการเผชิญหน้าได้กลับมาพร้อมนาฮูล ลูกครึ่งแวมไพร์ - มนุษย์อายุ 150 ปีเหมือนกับเรเนสเม่ เขาช่วยคลายข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้และชี้แจงว่าพวกลูกครึ่งนั้นไม่เป็น ภัยคุกคาม โวตูลีจึงจากไป เบลล่า,เอ็ดเวิร์ด และเรเนสเม่ได้กลับบ้านและอาศัยอยู่ด้วยความสงบสุข.. 

คำเตือน : ระวังเสียอรรถรส : เนื่องจาก ข้อความด้านล่างนี้กล่าวถึงเนื้อเรื่อง -ฉากจบค่ะ

กระแสตอบรับ
รุ่งอรุโณทัย โดยทั่วไปได้รับคำวิจารณ์ในด้านลบ
  • พับบลิสเชอร์ วีกลี่ พูดว่าปัญหาหลักคือ "โดยพื้นฐาน ทุกคนได้อย่างที่ตนเองต้องการ ยิ่งไปกว่านั้นถ้าความปรารถนาของพวกเขาบังคับให้อุปนิสัยเปลี่ยนจากหน้ามือ เป็นหลังมือหรืออารัมภบทอันยุ่งเหยิงของพื้นหลังของเรื่อง ไม่มีใครต้องละทิ้งบางสิ่งหรือทนทุกข์ทรมานไปตลอด--หรือก็คือความสง่างามได้ หายไป"
  • บทความโดยซารา โรส นักหนังสือพิมพ์เดอะ แอสโซซิเอต เพรสส์ ที่โพสบน NewsOK.com เขียนว่าแฟนของนิยามรัก "ตัวละครที่มีเสน่ห์ อารมณ์ขัน หลงใหลความสวยงามอย่างน่ารำคาญ ให้ความสนใจกับอารมณ์เล็กๆน้อยๆ" อย่างไรก็ตาม "ผู้อ่านอาจจะผิดหวังบทสร้างอารมณ์ที่มากมายและฉากตื่นเต้นที่มีน้อยมาก"

ภาพยนตร์

     ภาพยนตร์ที่สร้างจากนวนิยายรุ่งอรุโณทัย เป็นลำดับสุดท้ายในภาพยนตร์ชุดทไวไลท์ที่เขียนโดยสเตเฟนี เมเยอร์ ต่อจากแรกรัตติกาล, นวจันทรา และคราสสยุมพรที่ออกฉายเมื่อปี ค.ศ. 2010 ซัมมิตเอนเตอร์เทนเมนต์ สตูดิโอผู้สร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ไฟเขียวเปิดกล้องถ่ายทำในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2010 กำกับโดย บิล คอนดอน มีเมลิซซา โรเซนเบิร์กเป็นผู้เขียนบทภาพยนตร์ สำหรับภาพยนตร์ในลำดับสุดท้ายนี้กำหนดฉายจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ตอน คือในวันที่ 18 พฤศจิกายน ค.ศ. 2011 และวันที่ 16 พฤศจิกายน ค.ศ. 2012 ตามลำดับ

เนื้อเรื่อง จากหนังสือ~นวนิยาย

Breaking Dawn ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ
1 : Bella
2 : Jacob
3 : Bella
Breaking dawn (1: Bella)
     
     เริ่มต้นเรื่องด้วยบทแรก "การหมั้นหมาย" บทนี้ก็จะกล่าวถึงชีวิตของเบลล่าที่เปลี่ยนไปหลังจากการหมั้น ตอนนี้น้องหนูเบลล่าของเราแทบจะกลายเป็นจุดสนใจของคนทั่วไป เนื่องด้วย รถที่น้องหนูขับก็กลายเป็นเมอร์ซิเดสสุดหรูที่ยังไม่มีขายในท้องตลาด เครดิตการ์ดที่ใช้ก็อยู่ในระดับสูงสุดๆ (ประมาณว่าขับรถไปเติมน้ำมันแล้วมีคนมาขอถ่ายรูปคู่กับรถเลยทีเดียว ...) มิหนำซ้ำรถคันนี้ยังเป็นรถที่เอ็ดเวิร์ดให้ใช้สำหรับก่อนแต่งงานเท่านั้น คิดดูว่าหลังจากแต่งงานรถอีกคันที่รออยู่จะหรูขนาดไหน แต่สำหรับตัวเบลล่าเอง เธอรู้สึกอึดอัดกับการที่ดูเหมือนจะเป็นจุดสนใจ จนได้แต่ปลอบตัวเองว่าไม่มีใครสนใจหรอก


     ในระหว่างนี้ก็เป็นช่วงเวลาระหว่างการรอวันแต่งงานซึ่งใกล้เข้ามาทุกที อลิซเป็นคนจัดเตรียมงานทุกอย่างให้ ทั้งเป็นแม่งานด้านพิธีการสถานที่ ทั้งด้านเสื้อผ้าหน้าผมของเจ้าสาวและครอบครัว อลิซจะมาที่บ้านของเบลล่าบ่อยๆ คอยดูแลหลายๆอย่าง สำหรับตัวเบลล่าเองนอกจากช่วงนี้จะยุ่งวุ่นวายกับการเป็นเจ้าสาวแล้ว ใจก็ยังคงพะวงกับการหายตัวไปของเจคอบจนต้องโทรไปหา Seth ที่ลาพุชบ่อยๆ แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่มีข่าวใดๆ คืบหน้า เบลล่าชวน Seth มาร่วมงานแต่งงานด้วย ซึ่ง Seth ก็ยินดี เนื่องด้วยเห็นถึงน้ำใสใจจริงของทั้งเอ็ดเวิร์ดและเบลล่า เมื่อคราวร่วมใจกันล่าวิคตอเรีย (สนิทใจกับเอ็ดเวอร์ดมากพอที่จะกล้ามาร่วมงานที่มีแวมไพร์เต็มไปหมด)

     กล่าวย้อนไปถึงคราวที่เอ็ดเวิร์ดและเบลล่ามาขออนุญาตชาร์ลีแต่งงานกัน ตอนนั้นเบลล่ารู้สึกถึงความหนักอึ้งของแหวนหมั้นที่นิ้ว วิตกกังวลไปหมดว่าจะพูดยังงไง ทั้งสองคนรอการกลับมาบ้านของชาร์ลีอย่างใจจดใจจ่อ จนกระทั่งชาร์ลีกลับมาถึงเห็นทั้งสองคนนั่งด้วยกันแบบมีพิรุจก็ชักเอะใจ พอเบลล่ากับเอ็ดเวิร์ดขอคุยด้วยก็ชักซีเรียสขึ้นมานิดๆ และยิ่งเมื่อทั้งสองคนมานั่งต่อหน้าหลังจากเอ็ดเวิร์ดบอกว่ามีข่าวดีจะบอก ชาร์ลีก็เริ่มคิดไปเองและโพล่งออกมาว่า "เบลล่าท้องหรือ" (ประมาณว่าคุณพ่อก็กลัวเรื่องความสัมพันธ์ของสองคนนี้มาตั้งแต่เล่ม 3 แล้ว เลยวิตกกังวลเรื่องนี้เอามาก) ได้ยินดังนั้นเบลล่าก็รีบปฏิเสธ จนในที่สุดเอ็ดเวิร์ดตัดสินใจเป็นฝ่ายบอกเสียเองว่าเขาได้ขอเบลล่าแต่งงาน และเธอก็ตกลง และก็ขอโทษที่เขาไม่ได้ขอชาร์ลีก่อนตามธรรมเนียม ดังนั้นพวกเขาอย่างจะขอคำอวยพรจากชาร์ลีสำหรับการแต่งงานครั้งนี้

     พอได้ฟังดังนั้นชาร์ลีก็ถึงกับอึ้งไปชั่วขณะจนหน้าเปลี่ยนสีไปมา แต่พอตั้งสติได้ก็เป็นฝ่ายถามว่าทำไมถึงรีบร้อนกันนัก เอ็ดเวิร์ดเลยอ้างเรื่องที่ว่าพวกเขาทั้งสองคนต้องไปเรียนมหาวิทยาลัยด้วยกัน (ประหนึ่งว่าออกไปอยู่ด้วยกันจริงๆแล้วนะ) ก็เลยอยากทำอะไรๆให้มันถูกต้องเสียก่อน ชาร์ลีก็นิ่งคิดหาวิธีตั้งรับก่อนจะหัวเราะและบอกว่าคิดแล้วว่าสักวันเรื่อง นี้มันต้องมาถึง แต่งงาน โอเค แต่ง แต่... แต่ว่าเบลล่าจะต้องเป็นคนบอกแม่เอง (ประมาณว่าชาร์ลีคิดว่านี่เป็นไม้ตายแล้วเชียว ก็เพราะเรเน่เคยแต่งงานกับชาร์ลีเมื่อครั้งยังเด็กมากๆ และก็ผิดหวัง หย่าร้างกันมาแล้ว เลยค่อนข้างจะแอนตี้เรื่องการแต่งงานเมื่ออายุน้อยอยู่มาก) แต่กลับผิดคาด เมื่อเรเน่เองกลับบอกว่า แม่รออยู่แล้ว เพราะแม่รู้ตั้งแต่ครั้งที่เบลล่ามาหาครั้งที่แล้ว (ครั้งที่เอ็ดเวิร์ดไปเฝ้าที่ ร.พ.) และเรเน่ก็อนุญาต (... น่าสงสารคุณพ่อชาร์ลีจริงๆ คิดว่าแม่จะขัดขวาง แต่ดันพลิกโผ)

     หลังจากคืนวันก่อนแต่งงานที่เอ็ดเวิร์ดมาหาเบลล่า ทั้งสองคนก็ไม่ได้พบกันอีกตามธรรมเนียมที่เจ้าบ่าว-เจ้าสาวห้ามเจอกันก่อน แต่งงาน เช้าวันแต่งอลิซมารับเบลล่าไปบ้านคัลเลน แต่...ปิดตาเบลล่าเอาไปจนไปถึงห้องน้ำ จากนั้นก็จัดการขัดสีฉวีวันให้เบลล่า แล้วก็แต่งเนื้อแต่งตัวให้ โดยมีโรซาลีมาช่วยทำผมให้ด้วย อลิซพึงพอใจกับการเนรมิตเบลล่าเป็นเจ้าสาวที่งดงามมากๆ (แต่เบลล่าไม่ได้ส่องกระจกดูตัวเองเลยไม่รู้) พอเรเน่มาถึงก็มาหาเบลล่า น้ำตาคนเป็นแม่ก็ไหลด้วยความยินดี ชาร์ลีก็แต่งตัวด้วยชุดที่อลิซจัดหาให้ก็ดูหล่อเหลาเอาการไม่เบา ทั้งสองคนสวมกอดเบลล่าและให้ของขวัญกับลูกสาว ก่อนที่จะผละไปเมื่อเริ่มใกล้เวลางาน

     เบลล่า รู้สึกตื่นเต้นมากๆ พาลเอาหูตาลายหายใจไม่ออก ไม่มีแรง จนพ่อและอลิซต้องยืนขนาบข้าง และให้กำลังใจว่าเอ็ดเวิร์ดรออยู่ข้างล่าง ทั่วทั้งบ้านถูกเนรมิตให้งดงามสมกับเป็นสถานที่แต่งงานด้วยดอกไม้และริบบิ้น มากมาย เบลล่าพยายามมองหาคนที่ใจคิดถึงจนในที่สุดก็พบกับเอ็ดเวิร์ดที่สุดทางเดิน สู่พิธี และไม่อาจละสายตาจากเขาไปได้... เบลล่ามึนงงอีกครั้งด้วยรอยยิ้มละลายใจของเจ้าบ่าวตัวเอง... ทั้งสองกล่าวตอบรับคำปฏิญาณที่ถูกขอให้บาทหลวงปรับเปลี่ยนให้นิดหน่อยจาก "จวบจนความตายจะมาพรากเราจากกัน" เป็น "ตราบนานเท่าที่เรายังมีชีวิตอยู่ด้วยกัน" และจูบกันปิดท้าย คราวนี้ล่ะสิที่เบลล่าของเราเอาอีกละ...เบลล่าประมาณว่าจูบแล้วเคลิ้มไม่สนใจคนรอบข้าง แบบว่าจูบกันซะนาน จนเอ็ดเวิร์ดเป็นคนที่มีสติและหยุดการจูบลงซะก่อน ผู้ร่วมงานเลยได้โอกาสปรบมือเสียที

     พองานเลี้ยงกลางคืนก็มีการให้เจ้าบ่าวก้มลงถอดสายรั้งถุงน่องของเจ้าสาวด้วย ปาก (เล่นเอาเบลล่าสยิว...) เต้นรำเปิดฟลอร์ แล้วก็เต้นกับแทบทุกคนที่รู้จัก และรับคำอวยพรจากทุกคน นอกจากนั้นก็ตัดเค้กแจกจ่าย และเอ็ดเวิร์ดเองก็มีของขวัญสุดพิเศษมอบให้เบลล่า แต่- ของขวัญชิ้นนั้นคือ.....เจคอบ

     เอ็ดเวิร์ด เปิดโอกาสให้เจคอบและเบลล่าได้อยู่กันตามลำพังในมุมหนึ่งของสวน (มุมมืด ไม่มีใครรู้) เบลล่าก็แสดงความห่วงใย....และเบลล่าก็ได้พลั้งปากไปว่าจะไปฮันนีมูนกับเอ็ดเวิร์ดแบบเป็นการ ฮันนีมูนจริงๆ (ประมาณว่าจะมีอะไรกัน) คราวนี้เกิดเรื่องเลยค่ะ เจคอบก็เลือดขึ้นหน้าเลย หาว่าเบลล่าบ้าไปแล้วหรือไง แล้วเขย่าตัวเบลล่าซะเจ็บ เอ็ดเวิร์ดก็มาทันที... มาบอกให้ปล่อยเบลล่าซะ ประมาณว่าเกือบมีเรื่องกัน เจคอบแบบจะฆ่าเอ็ดเวิร์ดให้ได้ แต่ดีที่เพื่อนๆชาวหมาป่ามาแยกตัวเจคอบไปเสียก่อน
ทุกอย่างเลยกลับเป็นปกติอีกครั้ง และเอ็ดเวิร์ดก็ยังคงใจดีเหมือนเดิม คิดจะเปิดโอกาสให้เบลล่าอีก แต่เบลล่าก็ยืนยันว่าไม่เป็นไร และเก็บกักความรู้สึกต่อเจคอบไว้ภายใน ทั้งสองกลับไปร่วมงานต่อ จนเมื่อถึงเวลาอลิซก็มาจัดแจงให้ทั้งสองคนไปฮันนีมูนในสถานที่ที่ไม่มีใคร ยอมบอกเบลล่าว่าเป็นที่ไหน

     ในที่สุดทั้งสองคนก็มาถึงเกาะแห่งหนึ่ง - Isle Esme ชื่อแม่เอ็ดเวิร์ดเชียว---ฟังแล้วก็รู้ว่าเป็นเกาะส่วนตัว เกาะนี้อยู่ในเขตร้อน กลางเกาะมีบ้านหลังโอ่โถง ... ถึงคราวที่อยู่ลำพังหลังแต่งงานจะมีเรื่องอะไรได้อีกนอกจาก....  ทั้งเอ็ดเวิร์ดและเบลล่าก็ยังกระดากอายนิดหน่อย เอ็ดเวิร์ดเรียกเบลล่าว่า "คุณนายคัลเลน"  เล่นเอาเบลล่าถึงกับสะดุ้ง ประมาณว่ายังไม่คุ้นชิน คราวนี้ถึงการตัดสินใจในเรื่องของคนสองคนซะที เอ็ดเวิร์ดถามเบลล่าว่าอยากไปว่ายน้ำตอนดึกอย่างนี้กับเขามั้ย อากาศร้อนที่นี่ทำให้ตอนกลางคืนน้ำอุ่นดี ว่าแล้วเอ็ดเวิร์ดก็ให้เวลาเบลล่าตัดสินใจเอง ส่วนตัวเขาถอดเสื้อทิ้งไว้ที่พื้น แล้วเดินออกไปที่ชายหาด

     คราวนี้ถึงตาเบลล่าแล้วสิ เกิดมาก็เพิ่งเคยรู้สึกอย่างนี้ ไม่รู้จะตัดสินใจทำอะไรดี เลยตัดสินใจอาบน้ำคลายเครียดเสียก่อน พอไปเปิดกระเป๋าก็เจอแต่เสื้อผ้าแบบเซ็กซี่ (อลิซจัดให้ ...) พออาบน้ำไปก็คิดไปจะเอาไงดี ถึงขั้นนั่งคิดในห้องน้ำอยู่นาน จนคิดว่าไม่ไหวแล้วล่ะ ถ้านั่งอยู่แบบนี้ไม่ไปสักทีถ้าเอ็ดเวิร์ดกลับเข้ามาเจอคงเสียใจและเจ็บปวด คิดได้อย่างนั้น เบลล่าก็ลุกเดินออกไปยังชายหาดทั้งๆที่นุ่งแค่ผ้าเช็ดตัวนั่นแหล่ะ ...!

     ที่ชายหาดขาวสะอาดสะท้อนแสงจันทร์เบลลามองเห็นเอ็ดเวิร์ดยืนหันหลังให้อยู่ใน น้ำทะเล เงยหน้ามองดวงจันทร์ เสื้อผ้าส่วนที่เหลือที่เขาใส่ออกมาก็ถูกพาดอยู่ที่ต้นไม้ เบลล่าก็กลั้นใจถอดผ้าเช็ดตัว ค่อยๆย่องลงน้ำไปหาเอ็ดเวิร์ด จากนั้นอะไรๆก็เกิดขึ้น.....

     รุ่งเช้าเบลล่าตื่นมาอย่างมีความสุขต่างกับเอ็ดเวิร์ดที่รู้สึกผิด เนื่องด้วยตามเนื้อตัวของเบลล่าเต็มไปด้วยรอยเขียวช้ำ เบลล่ายืนยันว่าไม่ใช่อย่างนั้น-เธอสบายดี แต่เอ็ดเวิร์ดก็ยังคงรู้สึกผิดอยู่ดี และบอกว่าจากนี้เขาจะไม่มีอะไรๆกับเบลล่าอีกจนกว่าเธอจะเปลี่ยนเป็นแวมไพ ร์เสียก่อน

     เบลล่าพยายามหลายต่อหลายวิธีที่จะทำให้เอ็ดเวิร์ดเปลี่ยนใจ แต่ก็ไม่เป็นผล ในขณะเดียวกันเอ็ดเวิร์ดก็พยายามหักเหความสนใจของเบลล่าโดยพาออกไปทำกิจกรรม กลางแจ้งทุกวันจนเบลล่ากลับมาแล้วเหนื่อยอ่อนหลับคาโต๊ะกินข้าวแทบทุกวัน ในระหว่างนั้นเบลล่าก็ฝันร้ายซ้ำไปซ้ำมาถี่ขึ้น - ฝันถึงโวลตูรี ฝันว่าพวกนั้นจะฆ่าเด็กน้อยดวงตาสีเขียวสดใส เด็กน้อยแวมไพร์ที่นั่งอยู่บนกองซากศพของคนที่เบลล่ารู้จัก ทั้งเพื่อนฝูงและครอบครัว จนในที่สุดในวันหนึ่งที่เบลล่าฝันอีกครั้ง เบลล่าตื่นขึ้นมาด้วยน้ำตา เอ็ดเวิร์ดตกใจมากและต้องการให้เบลล่าเล่าให้ฟัง แต่ดันยังไม่ทันได้เล่าเบลล่าก็พาเอ็ดเวิร์ดเข้าสู่โหมดเกินหักห้ามใจ และในที่สุดเบลล่าก็ได้ในสิ่งที่ต้องการ....!

     จากนั้นทั้งสองคนก็เริ่มเรียนรู้การอยู่ร่วมกันอย่างปลอดภัยในยามค่ำคืน (ให้คิดเอาเองว่าเรื่องไหน งิงิ) และเมื่อคิดถึงความฝันในครั้งนั้น การที่เบลล่าร้องไห้ไม่ใช่เพราะมันเป็นฝันร้าย แต่สำหรับเธอมันคือฝันดี  เบลล่าพร้อมจะปกป้องเด็กน้อยคนนั้น โดยไม่หันหลังให้เหมือนทุกครั้ง และในคืนหนึ่ง เบลล่าที่ช่วงนี้เริ่มเหนื่อยง่าย และนอนหลับมากขึ้น ตื่นมาในยามดึก และพบว่าเอ็ดเวิร์ดออกไปล่า เบลล่ารู้สึกร้อนจนนอนต่อไม่ได้ จึงตัดสินใจมาอบไก่กิน กินแล้วก็รู้สึกว่ารสชาติมันแปลก ลองชิมหลายคำก็ไม่อร่อยจึงเททิ้งทั้งตัว แล้วมาทิ้งตัวนอนในโซฟาในห้องดูทีวี โดยเปิดหน้าต่างเอาไว้ จนในที่สุดแสงแดดก็ส่องมาที่ตัว เบลล่าค่อยๆรู้สึกตัว แต่ความจริงแล้วสิ่งที่ทำให้ทำตื่นก็คือสัมผัสเย็นๆจากตัวเอ็ดเวิร์ดต่างหาก เอ็ดเวิร์ดขอโทษที่ทิ้งไปปล่อยให้เบลล่านอนร้อนๆอย่างนี้ คราวหน้าก่อนจะออกล่าอีกคงต้องติดแอร์เสียแล้ว แต่เบลล่ารู้สึกพะอืดพะอมจึงขอตัวไปอาเจียน เล่นเอาเอ็ดเวิร์ดตกใจ แต่เบลล่าก็บอกว่าอาหารคงเป็นพิษ

     จากนั้นเอ็ดเวิร์ดก็หาอะไรให้เบลล่ากินและมาดูทีวีกัน เบลล่าผล็อยหลับไป ตื่นมาอีกทีก็มีอาการเดิมอีก เอ็ดเวิร์ดเลยชวนไปหาหมอ แต่เบลล่าไม่ไป แล้วไปค้นหายาในกระเป๋า แต่สิ่งที่ปะทะสายตากลับทำให้เบลล่าต้องหยุดคิด เอ็ดเวิร์ดที่เมียงมองอยู่ถามว่ามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า เบลล่าจึงถามกลับไปว่าเรามาฮันนีมูนที่นี่กี่วันแล้ว คำตอบที่ได้มาคือ 17 วัน นั่นเองที่ทำให้เบลล่าคิดได้ว่าเธอไม่น่าจะเจอกับอาการอาหารเป็นพิษแล้วล่ะ เมื่อเอ็ดเวิร์ดถามว่าเกิดอะไรขึ้น เบลล่าจึงบอกว่า เธอคิดว่าเธอท้องแล้ว และนั่นเองที่นำมาซึ่งความช็อคของทั้งสองฝ่าย

     เอ็ด เวิร์ด นิ่งค้างไปเหมือนรูปปั้น ขณะที่เบลล่าคิดหาความเป็นไปได้ และในตอนนั้นเองที่โทรศัพท์มือถือของเอ็ดเวิร์ดดังขึ้น แต่เอ็ดเวิดยังคงนั่งในท่าเดิม จนในที่สุดเบลล่าก็รวบรวมเรี่ยวแรงไปควานหาโทรศัพท์ในตัวเอ็ดเวิร์ด และพบว่าอลิซโทรมา เบลล่าขอคุยกับคาลิสเซิล ซึ่งได้ข้อสรุปว่าเธอน่าจะท้องจริงๆ ในที่สุดเอ็ดเวิร์ดก็ค่อยๆดึงสติกลับมาได้ เขาขอพูดกับผู้เป็นพ่อด้วยความเคร่งเครียด และในที่สุดก็วางหูและบอกเบลล่าว่าเราต้องกลับบ้านกันแล้วล่ะ ไม่ต้องกลัวนะ คาลิซเซิลจะจัดการกับสิ่งนั้นเอง ว่าแล้วเอ็ดเวิร์ดก็รีบร้อนเก็บข้าวของอย่างบ้าคลั่ง พร้อมโทรศัพท์จองเที่ยวบินด่วน

     ณ ตอนนั้นเองที่เบลล่าคิดได้ว่าเด็กในท้องคงไม่ปลอดภัยเสียแล้ว ภายในท้องนี้เป็นลูกของเธอกับคนที่เธอรัก เหตุใดเธอจะต้องยอมสูญเสียเขาไป ก่อนกลับแม่บ้านที่ดูเหมือนจะรู้ว่าเอ็ดเวิร์ดไม่ใช่มนุษย์ได้มาที่บ้าน และโต้เถียงบางอย่างกับเอ็ดเวิร์ดด้วยภาษาที่เบลล่าไม่สามารถเข้าใจได้ แต่ดูจากสีหน้าแล้วเอ็ดเวิร์ดคงเจ็บปวดอยู่ไม่น้อย เมื่อแม่บ้านกลับไป เอ็ดเวิร์ดก็เก็บของไปลงเรือ และในขณะนั้นเองเบลล่าก็เห็นโทรศัพท์มือถือที่เอ็ดเวิร์ดวางทิ้งไว้ เธอจึงอาศัยจังหวะนั้นตัดสินใจกดเบอร์ๆหนึ่งซึ่งเธอไม่เคยโทรหามาก่อน  "โรซาลี นี่เบลล่านะ ขอร้องล่ะ เธอต้องช่วยฉันนะ"

Breaking dawn (2 - Jacob)

     เริ่มต้นเรื่องด้วยเจคอบและเหล่าผองเพื่อนแห่งลาพุช หลังการฮันนีมูนของเอ็ดเวิร์ดและเบลล่าผ่านไป ชาร์ลีได้ส่งข่าวมาถึงบิลลี่ด้วยความโศกเศร้า ข่าวที่มาถึงลาพุชมีอยู่ว่าเครื่องบินที่คู่แต่งงานใหม่เดินทางกลับประสบ อุบัติเหตุและยังหาตัวไม่พบ แต่สำหรับเจคอบแล้วข่าวนี้นำมาซึ่งความสงสัย – ไม่ใช่ว่าเอ็ดเวิร์ดกลับมาบ้านแล้ว แต่ปกปิดไว้ เพราะเขาทำมันพลาด เบลล่าได้ตายไปเสียแล้วหรืออย่างไร คิดดังนั้นความเคียดแค้นก็ยิ่งเพี่มพูนในหัวใจ

      เจคอบออกวิ่งไป เรื่อยๆตามเสียงที่ได้ยิน เขาไปพบ Quil และ Claire คู่ imprinted ที่ชายหาด Quil ดูแล หยอกล้อ Claire ไปพลางพูดคุยกับเจคอบไปพลาง (คู่นี้เลี้ยงต้อยกันเห็นๆ) ในที่สุดก็มีเสียงเรียกจากฝูงให้มารวมตัวกัน เนื่องจากมีข่าวใหม่จากชาร์ลี

      ข่าวที่ได้มาคือ เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาเอ็ดเวิร์ดและเบลล่าได้เดินทางกลับมาแล้ว แต่... เบลล่าป่วยหนัก และไม่สามารถเข้าเยี่ยมได้ ได้ยินดังนั้นเจคอบก็ยิ่งโกรธมากขึ้น เขาไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน และต้องการไปให้เห็นกับตา เขาอยากฆ่าทุกคนที่ทำให้เบลล่าต้องเจ็บปวด อยากฆ่าเอ็ดเวิร์ดด้วยตัวของเขาเอง เจคอบไม่ฟังคำทัดทานของแซมและเพื่อนร่วมฝูงเขาเร่งฝีเท้าไปยังบ้านคัลเลน

      เมื่อไปถึงเจคอบก็ได้พบเบลล่า ได้เห็นเธอในสภาพที่ทรุดโทรม ได้เห็นเอ็ดเวิร์ดในสภาพของคนที่หัวใจร้าวรอนราวถูกแผดเผา และนอกเหนือไปกว่านั้นเบลล่าในวันนี้เธอมาด้วยรูปลักษณ์ที่เขาคาดไม่ถึง ... บัดนี้หน้าท้องของเบลล่าโป่งพอง ใบหน้าซีดเซียวไร้สีเลือด แต่รอยยิ้มของเธอยังมีให้แก่เขา ... เบลล่าท้องแล้ว และบางสิ่งที่อยู่ในท้องของเธอ เจ้าสัตว์ประหลาด สิ่งที่น่ารังเกียจนั้นกำลังจากพรากชีวิตไปจากเธอ

      เอ็ดเวิร์ดพูดคุยกับเจคอบ พวกเขาถกเถียงกันว่าทำไมไม่กำจัดมันออกไปซะ รู้ทั้งรู้ว่าเบลล่าจะต้องตายเพราะมัน เอ็ดเวิร์ดยอมรับว่าใช่ เบลล่าอาจจะต้องตายเพราะสิ่งนั้น แต่เขาได้พยายามแล้วแต่เบลล่าไม่ฟังเขาเลย เจคอบได้เห็นความเจ็บปวดของเอ็ดเวิร์ด จากเดิมที่คิดจะฆ่าแวมไพร์หนุ่มให้ตายลงไปกับมือ เขาก็ไม่สามารถทำได้ นอกเหนือไปกว่านั้นเอ็ดเวิร์ดได้ขอร้องเขาให้ทำบางสิ่งให้กับเบลล่า

      เอ็ดเวิร์ดรู้ว่าเบลล่าต้องการลูกมากแค่ไหน แต่สิ่งที่เขาให้เธอได้กับเป็นการสร้างสัตว์ประหลาด สร้างสิ่งที่น่ารังเกียจที่มีแต่จะสร้างความทรมานให้แก่เธอเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงขอให้เจคอบเป็นผู้ให้สิ่งนั้นกับเธอ (ประมาณว่ายกภรรยาให้ว่าง้าน แบบว่ายอมให้มีลูกกะคนอื่นเลยทีเดียว)

      เจคอบ ได้ฟังแล้วก็อึ้งไป ในใจคิดวกวนไปมา เขาเคยคิดในแง่นั้นกับเบลล่า แต่ไม่ใช่ตอนนี้ เจคอบลังเลเป็นอย่างมาก เมื่อเจคอบได้คุยกับเบลล่า ได้เห็นเธอลูบไล้หน้าท้องอย่างทนุถนอม เขาได้แต่รู้สึกเจ็บปวด และเข้าใจได้ถึงสิ่งที่เอ็ดเวิร์ดรู้สึก เจคอบพูดคุยกับเบลล่าพยายามโน้มน้าวเธอให้เปลี่ยนใจ แต่เบลล่าก็ไม่มีทีท่าที่จะยอมสูญเสียลูกของเธอ มีหลังครั้งที่เขาเกือบจะพูดในสิ่งที่เอ็ดเวิร์ดขอให้เขาทำ แต่เขาก็ทำไม่ได้ เจคอบจึงตัดสินใจจากไปด้วยความร้าวราน

      เจคอบวิ่ง กลับบลาพุชโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ไม่สนแม้ใครจะมาเห็นเขาในรูปลักษณ์หมาป่า เขาได้แต่คิดวกวนราวคนบ้า และความคิดที่เชื่อมโยงเขาและฝูงก็เผยเรื่องราวไปสู่ชาวหมาป่าทุกๆคน และนั้นเองที่นำมาซึ่งความผิดพลาดอันใหญ่หลวง

      แซมมีความเห็นว่าสิ่ง ที่อยู่ในท้องของเบลล่านั้นอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้คนได้ เขาตัดสินใจที่จะนำฝูงเข้าไปทำลายล้างสิ่งนั้น และนั่นคือ การทำลายเบลล่าเช่นเดียวกัน เจคอบพยายามขัดขืน และความพยายามนั้นนำมาซึ่งแรงผลักดันสู่สัญชาตญาณการเป็นจ่าฝูง (สายเลือดของเจคอบเป็นสายเลือดของอัลฟ่า - ผู้นำฝูง)

      เจคอบตัดสินใจ ลาจากฝูง เขามีอิสระเป็นของตัวเอง และมุ่งหน้ากลับไปยังบ้านคัลเลนอย่างสุดฝีเท้าเพื่อไปเตือนเหล่าแวมไพร์ให้ รู้ล่วงหน้า ระหว่างทางเขาได้ยินเสียงในหัว เสียงอันคุ้นเคยที่บอกให้เขาช้าลงหน่อย เจคอบค่อยๆชะลอฝีเท้าโดยไม่รู้ตัว จนผู้ติดตามมามาถึงตัวเขา คนนั้นคือ Seth (เซ็ธ - หมาป่าน้อยผู้มีใจรักในสมาชิกแวมไพร์ โดยเฉพาะเอ็ดเวิร์ด) พวกเขาทั้งสองเร่งรีบไปยังจุดหมาย และเมื่อมาถึงที่นั่นเอ็ดเวิร์ดก็รอพวกเขาอยู่ก่อนแล้ว

      เอ็ดเวิร์ด และครอบครัวรับรู้เรื่องราวทั้งหมด เอ็ดเวิร์ดฉุนเฉียวมากที่พวกแซมจะมาฆ่าเบลล่า และพวกเขาต่างรู้สึกขอบคุณเจคอบ คืนนั้นเจคอบและเซ็ธลาดตระเวนรอบๆ ขณะที่ครอบครัวคัลเลนก็เตรียมพร้อมและดูแลเบลล่าไปด้วย เนื่องจากในตอนนี้เบลล่าดูเหมือนจะแย่ลงในทุกขณะ สิ่งมีชีวิตในท้องของเธอดูเหมือนจะทำร้ายเธอมากขึ้น กระดูกซี่โครงของเธอเริ่มหัก (อันนี้ฝนอาจเล่าวกวนไปบ้างต้องขออภัยนะคะ บางตอนอาจไม่เป็นไปตามสเต็ปของหนังสือ เอาแบบเล่าเท่าที่จำได้นะคะ) คืนนั้นผ่านไปโดยไม่มีวี่แววของหมาป่ากลุ่มที่เหลือที่ดูเหมือน ณ บัดนี้ ฝูงหมาป่าจะถูกแยกเป็นสองฝูงเสียแล้ว เนื่องจากทางฝั่งเจคอบก็สามารถสื่อสารถึงกันได้แค่เขากับเซ็ธเท่านั้น

      ในตอนเช้าแขกที่ไม่รับเชิญก็มาถึง - Leah (ลีอาห์) พี่สาวของเซ็ธมา เธอบอกว่าเธอต้องการร่วมฝูงกับเจคอบ ในตอนแรกเจคอบก็รู้สึกระแวงกลัวจะเป็นแผนการที่แซมวางไว้ (ลีอาห์กับเจคอบไม่ค่อยชอบหน้ากันมาแต่ไหนแต่ไร มิหนำซ้ำเธอยังเกลียดแวมไพร์เอามากๆ) แต่ลีอาห์ยืนยันว่าเธอต้องการมาเองจริงๆ เธอหนีมาตอนที่พวกแซมเข้าพบผู้อาวุโสในตอนเช้า เนื่องจากเธอเป็นห่วงน้องชาย และเธอต้องการถอยห่างจากแซม (ประมาณว่ายิ่งใกล้กันยิ่งเจ็บลึก แถมเธอยังได้ยินได้รับรู้ทุกอย่างที่แซมรู้สึกด้วย) เจคอบยอมให้ลีอาห์เข้าร่วมกลุ่มและพวกเขาก็ผลัดเวรกันเฝ้ายามรอบๆ

      ในระหว่างนั้นกระดูกของเบลล่าก็หักอีก แต่เธอก็ยังยืนยันจะรักษาเด็กเอาไว้ โดยมีโรซาลีคอยปกป้องเธอและลูก เบลล่าอาการแย่ลงเรื่อยๆ ร่างกายของเธอไม่รับสารอาหารใดๆ และในวันหนึ่งเอ็ดเวิร์ดก็ได้ไอเดียจากความคิดของเจคอบที่ว่าลูกแวมไพร์จะ ต้องการกินอะไรได้เสียอีก นอกจากเลือด

      พวกเขาลองเอาเลือดให้เบลล่า กิน และราวปาฏิหาริย์เบลล่ามีการตอบสนองที่ดีขึ้นในทันที ร่างกายของเธอมีเรี่ยวแรงมากขึ้น ผิวหนังจับสีเลือดมากขึ้นเช่นกัน นำมาซึ่งรอยยิ้มแห่งความหวังของเอ็ดเวิร์ด และในขณะเดียวกันเด็กในท้องก็แข็งแรงมากขึ้น

      หลังการเฝ้าระวังภัยให้ ครอบครัวคัลเลนหลายวัน ทางด้านแซมได้ส่งจาเร็ด พอล คิวล์ (Quil) และคอลลินมาเจรจาเพื่อขอให้เจคอบและพรรคพวกกลับบ้าน เจคอบยืนยันว่าสำหรับเขาแล้วหมดเรื่องราวทางนี้เมื่อไรก็คงจะไปตามทางของเขา และไม่สามารถกลับไปรวมกลุ่มได้อีก –หนึ่งฝูงไม่สามารถมีจ่าฝูงได้ถึงสองคน ส่วนเซ็ธและลีอาห์เสร็จเรื่องเดมื่อไหร่ทั้งสองคงได้กลับไปหาแม่

      ครอบครัวคัลเลนดีต่อเจคอบ รวมถึงเซ็ธ และลีอาห์มาก มากเสียจนเจคอบรู้สึกผิดที่เคยทำหยาบคายและคิดจะฆ่าพวกเขา อลิซที่รู้สึกปวดหัวเสมอเมื่อเธอพยายามจะมองอนาคตของเด็กในท้องเบลล่าได้บอก กับเจคอบว่ากลิ่นของเขาทำให้เธอรู้สึกดีขึ้น (เจคอบเรียกอลิซว่า “ตัวเล็ก” ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสนิทสนม) แต่อย่างไรเสียเขาก็ยังคงไม่ชอบโรซาลีที่ดูเหมือนจะสนใจแค่สิ่งมีชีวิตใน ท้องเบลล่า โดยไม่สนใจว่าคนเป็นแม่จะมีชีวิตอยู่รอดต่อไปหรือไม่ เจคอบพยายามจัดหาลู่ทางให้เหล่าแวมไพร์ได้ออกล่าอีกครั้งหลังจากต้องอยู่ใน บ้านอย่างระแวดระวัง

      เด็กในท้องของเบลล่าเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว และนั่นทำให้พวกเขาครุ่นคิดได้ว่าควรจะรีบเอาเด็กออกให้เร็วที่สุดในทันที ที่เด็กพร้อม ซึ่งนับเวลาในการเติบโตแล้วเบลล่าน่าจะมีเวลาเหลืออีกแค่ 4 วัน และสี่วันนี้อาจจะเป็นสี่วันสุดท้ายที่เบลล่าจะมีชีวิตอยู่

     ลีอาห์ขอบคุณเจคอบที่เขาให้เธออยู่ร่วมฝูงด้วย และได้พูดถึงการ imprinted ว่าเป็นการที่มนุษย์หมาป่าจะถ่ายทอดพันธุกรรมจากรุ่นสู่อีกรุ่นกับหญิงสาว ที่สามารถตอบสนองต่อการพัฒนายีนส์อันพิเศษของเขาได้ ในทางเดียวกันนี้เองหลักการนี้ได้สอดคล้องกับกรณีของเธอที่เธอมีลักษณะผิด ปกติของความเป็นหญิง แม้เธอและแซมจะรักกันมากแค่ไหนมาก่อน แต่ในเมื่อเธอไม่มีคุณลักษณะที่เหมาะสมกับเขา เขาก็ไม่มีทาง imprinted เธอ และหากเมื่อเกิดการ imprinted แล้ว สิ่งนี้ก็จะลึกซึ้งยิ่งกว่าความรักที่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ในทำนองเดียวกันหากเจคอบ imprinted ใครสักคนเขาก็จะลืมเบลล่าได้เอง

      เจคอบ หยุดการสนทนาเพียงเท่านั้น เขากลับไปยังบ้านคัลเลน และพบอลิซเปิดประตูออกมา เขาเห็นห้องข้างล่างที่ทุกคนมักจะอยู่รวมกันว่างเปล่า จึงถามว่าเกิดอะไรขึ้น กระดูกซี่โครงเบลล่าหักอีกแล้วหรอ อลิซจึงบอกว่าคราวนี้ไม่ใช่ซี่โครง แต่มันเป็นกระดูกเชิงกรานต่างหาก เบลล่ากลับลงมา เบลล่าทักเจคอบว่าดูเหนื่อยๆนะ เขายอมรับและคิดอยากจะพักเสียบ้าง ในระหว่างที่ทุกคนเงียบ จู่ๆเอ็ดเวิร์ดก็หันมาถามเบลล่าว่าพูดหรือคิดอะไรหรือเปล่า เบลล่าบอกว่าไม่ และนั่นเองที่ทำให้เอ็ดเวิร์ดตั้งใจฟังมากขึ้น และพบว่าเสียงนั้นมาจากสิ่งมีชีวิตภายในท้องของเบลล่า

      เอ็ดเวิร์ดว่า เด็กมีความสุขดี เบลล่าดีใจที่ได้ยินดังนั้น เธอบอกว่าแน่นอนที่ลูกจะต้องมีความสุข ทำไมลูกจะไม่รู้สึกปลอดภัย อบอุ่น และถูกรัก แม่รักลูกมากนะ EJ (Edward-Jacob - ตอนนี้เบลล่ามั่นใจค่อนข้างมากว่าลูกของเธอเป็นผู้ชาย) โรซาลีถามว่ามีแผนอื่นมั้ยถ้าลูกไม่ใช่ผู้ชายล่ะ เบลล่าตอบว่าคิดไว้แล้วล่ะ ชื่อ Renesmee (Ruh-nez-may) แต่อย่างไรก็ก็ตามเบลล่าก็คิดว่าลูกของเธอเป็นผู้ชาย

      เอ็ดเวิร์ดบอก เบลล่าว่าลูกรักเธอและจะทนุถนอมเธอ ในเวลานั้นเองเจคอบรู้สึกว่าตัวเองโดดเดี่ยว รู้สึกเหมือนถูกหักหลัง เอ็ดเวิร์ดที่เคยเกลียดสิ่งที่อยู่ในท้องเบลล่ากลับมีทีท่าจะรักมันขึ้นมา เจคอบลุกขึ้น เขาต้องการหนีจากตรงนี้ไป เอ็ดเวิร์ดเห็นดังนั้นก็โยนกุญแจรถให้กับเขา

      เจคอบขับรถไปเรื่อยๆ ผ่านเข้าสู่เมือง ไปถึงสวนสาธารณะ เขานั่งอยู่ตรงนั้นเฝ้ามองหาใครสักคนที่เขาน่าจะ imprinted เขาเฝ้าพิจารณาผู้หญิงคนแล้วคนเล่า แต่ก็ไม่มีความรู้สึกใดๆเลย ในที่สุดเขาก็กลับมายังบ้านคัลเลน และพบว่าเอ็ดเวิร์ดรอเขาอยู่ก่อนแล้ว เอ็ดเวิร์ดขอให้เจคอบพยายามควบคุมลีอาห์ไม่ให้มาโวยวายใส่เบลล่า และได้ขอร้องเขาให้อนุญาตให้ครอบครัวคัลเลนได้กระทำสิ่งที่นอกเหนือสนธิ สัญญาเพื่อรักษาชีวิเบลล่าไว้

      เจคอบบอกว่าแซมเป็นผู้ที่จะทำหน้าที่ นี้ไม่ใช่เขา แต่เอ็ดเวิร์ดยืนยันว่าด้วยสายเลือดแล้วเจคอบเป็นเพียงผู้เดียวที่จะอนุญาต ได้ เจคอบบอกว่าเขาขอเวลาก่อน เอ็ดเวิร์ดและเจคอบกลับเข้ามาหาเบลล่า เบลล่าขอโทษเจคอบ เจคอบมองเบลล่าและพบว่าสิ่งที่เขามองหาตลอดบ่ายอยู่ในตัวเธอ ถึงแม้พรุ่งนี้เธอจะเปลี่ยนเป็นคนอื่น แต่ยังมีความหวังที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป แล้วเจคอบก็ยอมรับคำขอนั้น เขายอมให้เอ็ดเวิร์ดเปลี่ยนเบลล่าเป็นแวมไพร์

       เบลล่าถามเจคอบว่า วันนี้เป็นอย่างไรบ้าง เจคอบจึงเล่าให้ฟัง สักพักเบลล่าก็เรียก “โรส” โรซาลีหัวเราะในลำคอก่อนถามว่า “อีกแล้วหรอ” เบลล่าอธิบายว่าเธอดื่มไปได้สักสองแกลลอนในชั่วโมงที่ผ่านมา เอ็ดเวิร์ดและเจคอบหลีกให้โรซาลีประคองเบลล่าไปห้องน้ำ แต่เบลล่าขอเดินเอง ระหว่างเดินเบลล่าตบที่ท้องเบาพลางรำพันว่าเหลืออีกวันเดียวเท่านั้น จังหวะนั้นเองแก้วเลือดที่เบลล่าวางไว้เหมือนจะคว่ำ เบลล่าเอี้ยวตัวไปคว้ามัน และนำมาซึ่งเสียงฉีกขาดจากตัวเธอ

     เบลล่า ร้อง และพร้อมจะล้มลงสู่พื้น โรซาลีรับร่างของเบลล่าไว้ก่อนจะฟาดพื้น และเอ็ดเวิร์ดก็เข่าไปช่วยด้วยเช่นกัน ดวงตาของเขากลอกไปมา ใบหน้าของเขาแสดงอาการตื่นตระหนกชัดเจน สักพักเบลล่าก็กรีดร้อง และสำลักเลือดสดๆออกมา

โรซาลีและเอ็ดเวิร์ดพาร่างของเบลล่าขึ้นสู่ชั้นบน เอ็ดเวิร์ดตะโกนใส่โรซาลีให้เอามอร์ฟีนมาให้ ขณะเดียวกันโรซาลีก็ให้อลิซโทรหาคาลิซเซิล ทุกอย่างดูสับสนไปหมด โรซาลีฉีกเสื้อผ้าเบลล่าออก เอ็ดเวิร์ดแทงเข็มเข้าที่แขนของเธอ

      เจคอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น คำตอบที่ได้คือเด็กหายใจไม่ออก รกคงขาด เบลล่าได้ยินดังนั้นก็กรีดร้องให้เอาเด็กออกมา แต่เอ็ดเวิร์ดยังคงเรียกหามอร์ฟีน โรซาลีบอกว่าไม่มีเวลาแล้วเด็กกำลังจะตาย แล้วโรซาลีก็เสียการควบคุมตัวเอง เจคอบจึงจัดการเธอให้พ้นทาง เอ็ดเวิร์ดขอให้เจคอบช่วยทำ CPR ให้เบลล่า ส่วนเขาจะเอาเด็กออก และเด็กที่ออกมาก็เป็นผู้หญิง เบลล่าขอดูลูกของเธอ แล้วเธอก็สำลักเลือดออกมา เจคอบพยายามช่วยชีวิตเธอ ฝายปอดเธอ เขาไม่เข้าใจว่าเอ็ดเวิร์ดรออะไรอยู่

      ในที่สุดเอ็ดเวิร์ดก็บอกให้ เจคอบเอามือออก แล้วฉีดพิษของเขาลงสู่หัวใจเธอ แต่ดูเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ดูเหมือนจะมีแค่เจคอบ เอ็ดเวิร์ด และร่างไร้วิญญาณของเบลล่าเท่านั้น และมีเพียงเอ็ดเวิร์ดที่พูดกับตัวเองว่าเบลล่ายังไม่ตาย เธอจะต้องหายดี เจคอบเดินออกจากห้อง เขารู้สึกสูญเสียทุกอย่าง เขาต้องการหนีไปให้พ้น แต่ดูเหมือนว่าเท้าของเขามันหนักเหลือเกิน เขานั่งลงที่ฐานบันได พยายามรวบรวมความแข็งแกร่งเพื่อที่จะออกไปให้พ้นประตูเสียที

      โรซาลี นั่งบนโซฟา กำลังพึมพำพูดคุยกับบางสิ่งในห่อผ้าในอ้อมแขน เธอคงได้ยินเสียงเขาเดินลงมาแต่ทำเป็นไม่สนใจ เธอได้ในสิ่งที่ต้องการโดยไม่ต้องสนว่าเบลล่าจะมาทวงคืน โรซาลีเอาเลือดให้มันดูด – เลือดมนุษย์

      พละพลังกำลังของเจคอบกลับคืน มาพร้อมด้วยความเกลียดชัง เขาต้องการกำจัดมัน เขาจะฆ่ามัน จะฆ่าโรซาลี จะฆ่าทุกคนที่เข้ามาช่วยเหลือ แต่อาจเหลือไว้เพียงเอ็ดเวิร์ดที่จะอยู่อย่างสูญเสียทุกอย่างในชีวิต เจคอบตั้งท่าเตรียมเข้าขย้ำ ขณะที่โรซาลียกห่อผ้าขึ้น

      มันมองข้าม ไหล่โรซาลีมาที่เขา ดวงตาจับจ้องราวไม่ใช่ดวงตาของเด็กเกิดใหม่ ดวงตาสีช็อคโกแลตนมเช่นเดียวกับดวงตาของเบลล่า เจคอบหยุดชะงัก ความร้อนแผ่ซ่านไปทั่วตัว มันไม่ใช่ความร้อนที่แผดเผา แต่มันเป็นความร้อนอีกชนิดหนึ่งที่แปลกใหม่

      ทุกอย่างในตัวเจคอบราวถูกปลดปล่อยไป มีเพียงเส้นใยระหว่างเขาและเด็กน้อยตรงหน้าที่ดึงดูดกันไว้อย่างแน่นหนา - Renesmee

      ข้างบน มีเสียงใหม่ดังขึ้น เสียงที่สามารถสัมผัสถึงตัวเจคอบในตอนนี้ได้ เสียงที่เป็นจังหวะเร่งรีบ เสียงของการเปลี่ยนแปลงหัวใจ.....

Breaking dawn (3: Bella)

No comments:

Post a Comment